มาปลุกต้นมะรุมกันดีกว่า (เรามาตั้งโครงการ "ลืมโรงพยาบาล" กันดีไหม)
เชื่อหรือไม่ บ้านใครมีต้นมะรุม เปรียบเสมือนมีโรงพยาบาลไว้ที่บ้านท่าน
มะรุม ต้นไม้ขนาดกลางที่ขึ้นอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศไทย เราจะนิยมนำมาทำอาหาร เช่น แกงส้ม แต่รู้ไหมว่า ยังมี สรรพคุณที่ซ่อนอยู่ในมะรุมอยู่อีกหลาย หลายสรรพคุณมาก เรียกว่า สรรพคุณครอบจักรวาลกันเลยทีเดียว
ต่างประเทศนำไปวิจัย พบสารสำคัญ ต่อต้านโรคมะเร็ง เบาหวาน และที่สำคัญ โรคเอดส์ ซึ่งเราๆ ท่านๆ ต่างก็รู้ว่าไม่มียาประเภทไหนสามารถรักษาให้หายขาดได้
แต่ถ้าคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ได้รับเชื้อเอดส์ สามารถทานมะรุม เพื่อยังยั้งเชื้อเอดส์ไม่ให้ไปสู่ทารกที่กำลังจะคลอดได้ โอ้..พระเจ้า เป็นไปได้จริงๆ
มะรุมกำลังถูกวิจัย โดยกลุ่มองค์กรวิจัยทางการแพทย์จากทั่วโลกให้ความสำคัญอยู่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะประเทศแถบ อเมริกา ยุโรป เอเชีย ต่างตื่นเต้นกับผลวิจัยที่ได้รับ (อืม..ของเขาดีจริงๆ อยู่ใกล้ๆ ตัวเรา ทำไมจะไม่สน แถมราคาถูกมากๆ ไม่ต้องเทียบกับยาราคาแพงที่สรรพคุณเหมือนหรือใกล้เคียงกัน มันเทียบกันไม่ได้)
นอกจากสรรพคุณที่กล่าวข้างต้นแล้ว ยังมีสรรพคุณอื่นๆ ที่ยังไม่ได้ยกตัวอย่าง เช่น โรคขาดสารอาหาร โรคตาบอดในเด็กแรกเกิด โรคความดันโลหิตสูง โรคไขข้อกระดูกอักเสบ โรคเก๊า โรครูมาติซั่ม โรคตาฟาง โรคต้อตา โรคหน้ามืดตามัวในผู้สูงอายุ โรคลำไส้อับเสบ โรคพยาธิ โรคปอด โรคหอบหืด โรคคอหอยพอก โรคยอดนิยมภูมิแพ้ เป็นต้น นี้คือสรรพคุณคร่าวๆ แต่ยังมีอีกเยอะที่ยังไม่ได้กล่าวถึง
กินมะรุมเป็นประจำ จะช่วยควบคุม เชื้อมะเร็งไม่ให้ลุกลามไปยังอวัยวะต่างๆได้ผลดีมาก เชื้อมะเร็งที่เราๆ ท่านๆ เป็นหรือยังไม่เป็น จะมีติดตัวกันมาตั้งแต่เกิด
เชื่อไหม!! มันเป็นเซลเนื้อร้ายที่แอบแฝงมากับเราทุกยุค ทุกสมัย แต่...การที่จะทำให้เกิดโรคมะเร็งในส่วนอวัยวะต่างๆ ได้นั้น มันต้องถูกกระตุ้น...โดยอาหาร และ สิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่เราได้รับกันอยู่ทุกวี่ทุกวัน เจ้าเชื้อมะเร็งร้ายนี้ถึงจะแพร่กระจาย และ เกิดการขยายเซล ไปตามจุดอวัยวะของร่างกายเรา หรือที่เรียกกันว่า โรคมะเร็งที่นั้น ที่นู้น ที่นี่ ฯลฯ เพราะมันเกิดได้ทุกส่วนของร่างกาย และเป็นกันได้ ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย
เห็นภัยร้ายที่มาคร่าชีวิตชาวโลกอันดับหนึ่งแล้วใช่ไหมครับ อย่างนี้เรามาอ่านกันต่อว่า กินมะรุมอย่างไรให้ได้ผล และ การรักษาสำหรับคนที่เป็นมะเร็งกันดีกว่า
ใบมะรุมสด ชงกินก็ได้ กินสดๆก็ได้ ให้นำใบไม่แก่ และ ไม่อ่อนเกินไปมาปรุงอาหาร แล้วแต่ความถนัด
เด็กทารกจนถึงเด็กอายุไม่เกิน 2 ขวบให้ทานแต่น้อย เพราะใบสดมีธาตุเหล็กสูง จึงไม่ควรทานมาก
เด็กในวัย 3-5 ขวบควรทานไม่เกินวันละ 5 ใบ จนเด็กอายุถึง 10 ขวบ ก็เพิ่มตามขนาดอายุได้ แต่ไม่ควรทานมาก เพราะจะทำให้ได้รับธาตุเหล็กสะสมในร่างกายมากเกินไป เป็นผลเสียต่อร่างกายได้
วัยรุ่น จนถึง ผู้ใหญ่ ทานวันละ 1 กิ่ง จะทานสดหรือใช้ปรุงอาหารก็ได้ ถ้าอยากให้ได้ผลไวสำหรับผู้ใหญ่ ควรคั่นน้ำจากใบสด ให้ได้ 1 ช้อนโต๊ะ วัยรุ่น 1 ช้อนชาก็พอ
ถ้าจะนำมาประกอบอาหาร ไม่ควรทำให้สุก เอาแค่ลวกๆ ก็พอ สารอาหารจะได้อยู่ครบถ้วน ส่วนใครไม่เคยทานมาก่อน แล้วเกิดอาการท้องเสีย ไม่ต้องตกใจ นั้นเป็นเพราะร่างกายยังปรับสภาพไม่ได้ ก็ควรจะทานแต่น้อย ค่อยๆเพิ่มไปจนถึงกำหนด ร่างกายถึงจะปรับสมดุลได้
ฝักสด นำมาปอกเปลือก ปรุงอาหารได้เลย ฝักอ่อนก็ดี ทานได้ทั้งกาก ฝักไม่แก่มากก็ทานได้ โดยเฉพาะแกงส้มมะรุม (สุดยอดอาหารพันคุณ ชอบมาก..)
เมล็ด นำมาสกัดเป็นน้ำมัน ใช้ทาผิว รักษาโรคเก๊า ปวดไขข้อ ไขข้อเสื่อม โรคผิวหนังแห้ง เครื่องสำอางบางยี่ห้อใช้น้ำมันมะรุมมาเป็นส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการทำเครื่องสำอาง และที่เราๆ ท่านๆ คาดไม่ถึงคือ นาฬิกายี่ห้อดังต่างๆ ใช้น้ำมันมะรุมเป็นสารหลอลื่นในกลไกของนาฬิกา เพราะมีคุณสมบัติไม่เปลี่ยนสภาพ แม้จะเก็บไว้เป็นระยะเวลายาวนาน (โอ้ว..สุดยอดสารหล่อลื่นของโลกสกัดมาจากเม็ดมะรุม)
กากที่เหลือจากการเคี้ยวเมล็ด นำมาใช้กรองน้ำสะอาดดื่มได้ ทำให้น้ำบริสุทธ์ เพราะสารฆ่าเชื้อโรคในกากมะรุม จะมีคุณสมบัติเป็นยาฆ่าเชื้อโรคที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เมื่อกรองน้ำเสร็จแล้ว... อย่าทิ้ง!!! ใช้ทำปุ๋ยต้นไม้ได้อีก (โห้...ใช้กันคุ้มเลยจริงๆ)
เปลือกจากลำต้นมะรุม นำมาป่นใส่ผ้าทำเป็นลูกประคบ ร้านขายยาแผนโบราณมีกันแทบทุกร้าน ยิ่งสปาร์ที่เราๆ ท่านๆ เคยไปเสียเงินกันเป็นพัน เขาใช้ลูกประคบมะรุมกันทั้งนั้น แก้ปวดหลัง ปวดตามข้อได้เป็นอย่างดี (อ้าว...น้องๆที่ร้านสปาร์จะไม่ได้เจอพี่อีกแล้ว...เศร้า)
ดอกมะรุม ใช้ต้มทำน้ำชา ลดความเครียด ผ่อนคลาย หลับสบาย (นอนไม่หลับ ลองจิบน้ำดอกมะรุมก่อนนอนดูสิครับ)
ใบตากแห้ง (ฮีโร่ของมะรุมเลยก็ว่าได้) นิยมนำมาตากในที่ร่ม อากาศปลอดโปร่ง ประมาณ 3-4 วัน แล้วนำใบแห้งสนิท มาปั่นให้ละเอียด กรอกใส่แคปซูล
จากนั้นให้เก็บในขวดทึบแสง (เก็บในขวดยาเก่าๆที่ท่านใช้หมดแล้วและมีซองกันชื้นด้วยยิ่งดี) ไม่อย่างนั้นสารอาหารจะหมดไป เน้นว่าต้องทึบแสงนะครับ ที่เราเห็นว่างขายกันตามร้านขายยา ถ้าเป็นเจ้าที่แพคใส่ถุงยาใสๆ อันนี้ไม่แนะนำ เพราะโดนแสงมานานแล้ว ให้หาเจ้าที่แพคใส่ขวดทึบแสงจะดีกว่า
แต่ที่ดีที่สุดควรทำเอง ถ้าทำได้ เพราะจะอยู่ในการควบคุมดูแลเรื่องความสะอาดของเรา ทำเอง กินเอง สะอาด ปลอดภัย อีกอย่าง อย. ออกมาเตือนแล้วนะครับ ว่าควรระวังการบริโภคแคปซูลมะรุมที่ขายอยู่ตามท้องตลาด เพราะอาจมีเชื้อรา หรือ สิ่งสกปรกปลอมปน แทนที่จะได้คุณ กับ ได้โทษแทน ไม่คุ้มกันครับ แต่ถ้าเจ้าไหนไว้ใจได้สะอาด อุดหนุนไปเลยครับ ถ้าไม่มีเวลาทำเอง หรือ ต้องการความสะดวก
หมดเรื่องเล่า มะรุมครอบจักรวาล กันเพียงเท่านี้ อย่าลืมบ้านใครที่ยังไม่ปลูก หาพื้นที่ปลูกไว้ นะครับ โรงพยาบาลจะย้ายมาสู่บ้านท่านแล้ว โชคดีมีชัยเจอกันโพสหน้า ขอบคุณครับ